วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โทรศัพท์มือถือที่แพงที่สุดในโลก!!!! [น่าจะเคยเห็นกันแล้วล่ะ]



Shock ตะลึง ตึ่งตึง!!! กันไปเลยกับราคา iPhone 3GS ที่ $3,164,000 ใช่
แล้ว ฟังดีๆ คือ 3ล้้านเหรียญสหรัฐ!!!! และดูท่าทางจะไม่มีเครื่องไหน
แพงไปกว่านี้อีกแล้วด้วยราคาขนาดนี้ พวกฝรั่งเค้าแซวกันว่าสามารถ
สร้าง highway ด้วยความยาวได้ถึง 2ไมล์กันเลยทีเดียวเชียว

iPhone เครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องที่ถูกทำขึ้นมาพิเศษ ประกอบไปด้วย
ทองคำ 22k กว่า 271กรัม มีเพชรรายรอบมากมาย แค่ปุ่ม home ก็เป็น
เพชร 7.1กะรัดเสียแล้ว น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 7กิโลกรัมผู้ผลิต iPhone
รายนี้ เป็นนักปรับเปลี่ยนเครื่องตัวยง stuart hughes ถ้าเพื่อนๆเข้าไปดู
ใน website จะพบว่ามีอีกหลายรุ่นเลยเชียวที่ถูกนำมาดัดแปลงและทำให้
แพงได้ขนาดนี้ ว่าแต่ใครจะซื้อน้อออ.....



ขอขอบคุณ


แหล่งที่มา : http://www.intomobile.com/2009/11/30/at-3164000-iphone-3gs-supreme-is-the-single-most-expansive-phone-in-the-world.html


ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

10เหตุการณ์ ที่ทำให้นุษย์เชื่อว่ามี"มนุษย์ต่างดาว!!!" จิงหรอเนี่ย!!!!!!

อยากรู้กันแล้วใช่ม้า........

ว่ามีอะไรบ้าง



งั้นก็ไปดูเลย



แหนะๆยังอ่านอีกเนอะ....




เด็กเขียว


ในเดือนสิงหาคม 1887 ในสเปน มีเด็กสองคน ซึ่งมีผัวหนังสีเขียวเป็นมันวาว และมีดวงตารีเฉียง เดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง เด็กสองคนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัตถุประหลาด และพูดภาษาประหลาดที่ผู้วชาญภาษาจากบาร์เซโลนาไม่เข้าใจ และไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นภาษาอะไร เด็กชายที่เป็นผู้ชายตายก่อน ส่วนเด็กผู้หญิงยังอยู่ต่อมาและหัดพูดภาษาสเปนได้จนคล่องเธอเล่าว่าเธอถูกนำมาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ยามสนธยามีพระอาทิตย์ขึ้น และถูกหอบมาทิ้งไว้ที่ถ้ำนั่น
ดินแดนที่ว่านั้น เป็นดินแดนของดาวอีกดวงหนึ่งใช่หรือไม่ หรือว่าพวกเธอถูกส่งตัวมายังโลกด้วย ยาวอวกาศหรือเปล่า หรืออาจมาจากมิติที่สี่ก็เป็นได้


เครื่องบินสีทอง


จากจำนวนวัตถุลึกลับเกี่ยวกับจานบิน ชิ้นนี้ดังที่สุด ซึ่งถูกพบในโคลัมเบีย อเมริกาใต้ มีอายุมากกว่า 1000 ปี มีลักษณะเหมือนเครื่องบินเจ็ทปีกเป็นรูปสามเหลี่ยมของยุคปัจจุบัน มีที่นั่งนักบินอยู่ตรงส่วนหัวและมีหางเหมือนเครื่องบินปัจจุบันด้วย ซึงแน่นอนชาวพื้นเมืองในโคลัมเบียคงไม่สามารถสร้างเครื่องบินนี้แน่ โดยเฉพาะเมื่อ 1000 ปีก่อน
อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวได้เดินทางมาถึงอเมริกาใต้ ในยานอวกาศใต้ ในยานอวกาศที่มีรูปร่างเหมือนเครื่องบินเจ็ทตั้งแต่เมื่อ 1000 ปีมาแล้ว และคงสร้างยานลำนี้ไว้เป็นที่ระลึก


การระเบิดที่ไซบีเรีย


เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1908 มีการระเบิดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นที่ไซบีเรีย เป็นแรงระเบิดที่รุนแรงกว่าฮิโรชิม่าถึง 10 เท่าดังไปค่อนโลก มีบางคนบอกว่า ตนเองได้เห็นแสงไฟและเห็นควันรูปเห็ด อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายสาเหตุการระเบิด ไม่มีใครทราบแน่ชัด
ในปี 1927 นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียต ได้ออกทำการสำรวจและพบบริเวณที่เกิดการระเบิดนั้น ซึ่งกินบริเวณกว้างขวางถึง 800 ตารางไมค์ จากการลงความเห็นของผู้วชาญ แรงระเบิดนั้น ไม่ใช้เพราะอุกาบาตรแน่ มีบางคนบอกว่ามันอาจเป็นดาวหาง อาจเป็นเสี่ยวหนึ่งของหลุมดำ หรืออาจเป็นแสงเลเซอร์จากดวงดาวอื่นก็ได้
อเล็กซานเดอร์ คาซานท์เซฟ วิศวกรด้านอาวุธของรัสเซียลงความเห็นว่า มันเป็นพวกยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งขณะบินทำการสำรวจโลก ตกลงมา และเกิดระเบิดขึ้น


สัญญาณวิทยุจากมนุษย์ต่างดาว


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 นักดาราศาสตร์โครงการ ซีคลอปส์ (Cyclops) ได้รับสัญญาณที่ซับซ้อนกว่าเสียงสะท้อนใดๆ ในโลกนี้ มันเป็นโทนเสียงขึ้นๆ ลงๆ ผสมผสานกันอย่างซับซ้อน พร้อมโครงสร้างจังหวะ รวมไปถึงเสียงที่ไม่เคยมีมนุษย์ได้ยินมาก่อนรวมอยู่ด้สน ซึ่งสัญญาณนี้ระบุว่ามาจากดาวออฟิยูซิ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกราว 17 ปีแสง ทำให้เชื่อกันว่าเป็นสัญญาณวิทยุจากมนุษย์ต่างดาวซึ่งมีอารยธรรมสูงกว่าเรา


เมื่อมนุษย์ต่างดาวเป็นฆาตกร


วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2491 รัฐเคนตักกี้ อเมริกา เรืออากาศเอก โธมัส แมนเทลล์ จูเนียร์ ได้ขับเครื่องบินซี 118 แถวน่านฟ้าของเมืองแมรีส์วิลล์ เพื่อไปตรวจสอบการพบเห็น UFO ส่องแสงขนาดใหญ่ และเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และเงียบเชียบข้ามท้องฟ้า ซึ่งทางฐานทัพก็จับสัญญามันได้เช่นกัน
แมนเทลล์ขับแล้วไปเจอ UFO ลำนั้นทันที เขารายงานวัตถุนั้นต่อศูนย์เป็นระยะในการติดตาม “พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์ มันอยู่เหนือผมพอดี และมันใหญ่โตมโหฬารมาก มันดูเหมือนโลหะรูปกลมใหญ่มาก ผมกำลังพยายามไปให้ถึงมัน มันกำลังบินสูง มันเริ่มบินสูง.... พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์มาก! มันเริ่มร้อน มันร้อน ร้อนมากทีเดียว ผมทำไม่...”จากนั้นสัญญาณก็ถูกตัด
เวลาต่อมา มีการพบซากเครื่องบนและศพของเรืออากาศเอกแมนเทลล์ มีรายงานว่าซากเครื่องบินมีรูและรอยขีดข่วงจากความร้อนสูง เหมือนกับว่าเครื่องบินถูกทำลายจากรังสีบางอย่าง
ปัจจุบันการตายของแมนเทลล์ยังเป็นปริศนาต่อไป ว่าสิ่งที่เขาพบนั้นคือ UFO จริงหรือไม่?


แอเรีย 51 (Area 51)

พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้า และอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ปี 1958 เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุดเพราะเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้คนนอกเข้าและมีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด แม้ทางการสหรัฐจะบอกว่าพื้นที่นี้เป็นเพียงสถานที่ทดสอบอาวุธหรือเครื่องบินรบใหม่ของสหรัฐ แต่มีหลายคนบอกว่าอาจเป็นฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ก็สถานที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO (Unidentified Flying Object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้ง จนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 นั้นต้องมีอะไรมากกว่าสถานที่ซ้อมรบเครื่องบินรบ แน่นอน


จานบินตกที่รอสเวลล์


ในปี ค.ศ.1948 เมืองรอสเวลล์ เกิดเหตุการณ์วัตถุบินลึกลับตกในพื้นที่ทะเลทรายของชาวเมืองนาม แม็ค บราเซิล ชิ้นส่วนตกกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงและเก็บวัตถุในพื้นที่ที่เกิดเหตุจนหมด ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรกบอกว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเป็นวัตถุที่ไม่เคยมีอยู่ในโลก และแต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด แต่ถึงอย่างไรเพราะอะไรไม่ทราบสาเหตุภายหลังทางการดันกลับคำให้การบอกว่าวัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือหรือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ?
ทำไมต้องกลับคำผลการตรวจสอบ?? แล้ววัตถุบินลึกลับนั้นเป็นจานบินหรือไม่? ไม่มีใครทราบได้ แม้ว่าเหตุการณ์จะล่วงเลยมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่หลายๆ ฝ่ายยังหวังว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้


การลักพาตัวเบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ (betty and Barney Hill)


นี้คือการลักพาตัวที่โด่งดังที่สุดและเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ต่างดาวลักพาตัวคนในโลก
19 กันยายน 1961 ขณะที่เบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ สองสามีภรรยาขับรถผ่านแดนทะเลทรายของรัฐนิวแฮมเชียร์ จู่ๆ ก็มีจานบินแล่นขวางหน้า และบังคับให้สองสามีภรรยาคู่นี้หยุดรถ
สิ่งมีชีวิตในยานนั้นมีอยู่ 5 คน(ตัว) สูง 5 ฟุต ตาโต ไม่มีจมูก และผิวหนังสีเทา เมื่อคนพวกนี้มาใกล้ สองสามีภรรยาก็รู้สึกเหมือนสะกดจิต ทั้งคู่ถูกนำตัวเข้าไปในยานและถูกตรวจสอบทางกายภาพ มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นสอบถามสองสามีภรรยาโดยใช้พลังจิต แต่เมื่อเขาพูดกันเองก็พูดด้วยภาษาแปลกประหลาด
จากนั้นสองสามีก็ถูกลบความทรงจำ และถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งภายหลังสองสามีภรรยาคู่นี้ถูกสะกดจิต ทั้งคู่ก็เล่าเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด จนเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมาก จนต้องออกโทรทัศน์รายการพิเศษในปี 1975


การชำแหละวัวในท้องทุ่ง (Cattle Mutilations)


9 มิถุนายน 2005 ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดวัวตายอย่างลึกลับจำนวนมากในท้องทุ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาและบราซิลและแถบอื่นๆ ทั่วโลก
โดยการตายลึกลับนี้แทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์จะสามารถทำได้ เพราะแต่ละพื้นที่วัวถูกฆ่าจำนวนมากโดยทั้งหมดนั้นลงมือเสร็จเพียงคืนเดียว โดย ส่วนใหญ่ท้องของวัวเคราะห์ร้ายถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่รูปไข่ ด้วยเครื่องมือบางอย่างและถูกทำให้ไหม้แต่ไม่ใช้เลเซอร์หรือมีด และไม่มีเลือดไหลออกมาอวัยวะบางส่วนเช่น อวัยวะเพศ ลูกตาและเต้านมโดยเฉพาะลำไส้มักหายไป แต่ไม่มีร่องรอยการดิ้นรนเพื่อหนีความตายของวัวหรือแม้กระทั่งรอยเท้าในบริเวณที่มันตาย มีการศึกษาเพื่อไขปริศนาปรากฏการณ์นี้มีมานานแล้ว ในขณะที่มนุษย์มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ทว่าก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร


วงกลมประหลาดบนทุ่งหญ้า (Crop Circles)


ในช่วงปี 1980 เกิดเหตุการณ์ประหลาดคือประจักษ์ต่อชาวโลก ใน 29 ประเทศ ทั่วโลก คือเกิดวงกลมประหลาด หรือสัญลักษณ์ประหลาดที่ทุ่งข้าวสาลี ข้าวบาเล่ห์ ข้าว และอื่นๆ โดยจากรายงานการเกิด Crop Circles กว่า 10,000 ครั้ง
พบว่าในช่วงปลายปี 1980 นั้น Crop Circles ส่วนใหญ่รูปแบบจะออกมาในลักษณะเส้นตรงซึ่งจะออกมาคล้ายๆกับสัญลักษณ์ แต่ภายหลังจากปี 1990 รูปแบบของ Crop Circles จะซับซ้อนมาก จนแทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์จะทำได้ นอกเสียจากจะเป็นมนุษย์ต่างดาว แล้วหาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง พวกเขาจะทำทำไม มันเป็นสัญญาบอกชาวโลกหรือ หรือว่าเป็นที่จอดยานบิน หรือว่าเป็นการเล่นสนุก??


วิดีโอผ่าตัดมนุษย์ต่างดาว


ในปี 1992 ผู้สร้างภาพยนต์เรย์ ซานติลี อ้างว่าได้ซื้อฟิล์มภาพยนต์ขนาด 16 มิลลิเมตร มีความยาวกว่า 91 นาที(ไม่เปิดเผยถึงราคาที่ซื้อมา) เป็นฟิล์มภาพยนต์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดซากมนุษย์ต่างดาวหลังเหตุการณ์การตกที่รอสเวลส์โดยซื้อมาจากช่างภาพของกองทัพ(ไม่เปิดเผยชื่อ)ที่ถูกมอบหมายให้ทำการถ่ายภาพยนต์การผ่าศพมนุษย์ต่างดาวที่ Fort Worth, Texas เพื่อทำการถ่ายภาพยนต์
จนกระทั่งในปี 1995 ภาพยนต์ชุดนี้ได้ถูกนำมาออกแสดง และเครือข่ายทีวีของ FOX นำภาพยนต์ชุด นี้ออกอากาศในรายการ One-hour special ผลปรากฏว่ามีคนสนใจดูมากจนต้องมีการนำมาออกอากาศซ้ำอีกถึงสี่ครั้งหลังจากนั้นทำให้มีการถ่ายถอดออกไปใน อังกฤษ , เยอรมัน , ฮอลล์แลนด์ , บราซิล และอิตาลี

พบ"เจ้าหญิงนิทรา"ตัวเป็นๆบนโลก

ใครๆ เรียกเธอว่า ‘เจ้าหญิงนิทรา’ แต่ชีวิตของลุยซา บอลล์ ไม่ใช่เทพนิยาย เพียงแต่สาวน้อยวัย 15 ปี หลับครั้งละสองสัปดาห์จากอาการผิดปกติที่เหลือเชื่อ

ลุยซาขาดสอบ ไม่ได้เข้าเรียนลีลาศ พลาดกระทั่งการไปเที่ยวพักผ่อนสุดสัปดาห์กับครอบครัว เพราะการนอนหลับมาราธอน ซึ่งจากการวินิจฉัยพบว่าเธอมีความผิดปกติที่เรียกว่ากลุ่มอาการไคลน์-เลวิน หรือโรคเจ้าหญิงนิทรา
อาการนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2008 หลังจากที่เจ้าตัวเป็นไข้หวัดประมาณหนึ่งสัปดาห์
“เธอยังไม่ค่อยหายไข้ดีนัก และหลังจากนั้นเราพบว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโหมดนอนหลับ เธอจะเหนื่อยและเริ่มง่วงที่โรงเรียน และเริ่มพูดเรื่อยเปื่อยเหมือนละเมอ
“น่ากลัวจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เธอกลายเป็นคนละคนกับลูกสาวที่เรารู้จัก” ล็อตตี้ แม่ของสาวน้อยเล่า
เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ลุยซาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเวิร์ตธิง เจเนอรัล อังกฤษ แต่แพทย์ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ เพียงสันนิษฐานว่าอาจเป็นความผิดปกติของฮอร์โมน
หลังจากนั้น ลุยซาหลับยาวติดต่อกันครั้งละ 10 วัน เธอจะหลับลึก 22 ชั่วโมงก่อนที่พ่อแม่จะปลุกขึ้นมากินข้าวและพาไปเข้าห้องน้ำก่อนกลับไปนอนต่อ
“เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากหลับ ระหว่างนั้นเธอไปโรงเรียนไม่ได้ กว่าจะปลุกให้ลุกขึ้นมาได้ช่างยากเย็น แต่เรารู้ว่าเธอต้องกินข้าวกินน้ำ และเราจะทำอย่างเร็วที่สุด แต่ระหว่างนั้นเธอจะไม่รู้สึกตัว เหมือนละเมอเดินละเมอพูด หลังจากหลับไปสัปดาห์หนึ่งหรือสิบวัน เธอจะจำอะไรไม่ได้เลย” ริชาร์ด ผู้พ่อเล่า
เดือนมีนาคมปีที่แล้วพ่อแม่พาลุยซาไปโรงพยาบาลเซนต์จอร์จ ในที่สุดแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นโรคไคลน์-เลวิน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่พบบ่อยนักของอาการนอนหลับมากเกินไปเป็นระยะ
แพทย์ไม่รู้สาเหตุ แต่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่สมองส่วนไฮโปทาลามัสที่ควบคุมความอยากอาหารและการนอนหลับ ทำงานผิดปกติ อาการนี้พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและมักหายไปเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ และหลังจากหลับยาว เมื่อตื่นขึ้นมาคนไข้จะมีอาการปกติทุกอย่าง
พ่อแม่ของลุยซาไม่เคยรู้จักโรคประหลาดนี้มาก่อน แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่รู้ว่าลูกสาวเป็นอะไร ทั้งนี้ ไม่มียาที่สามารถรักษากลุ่มอาการไคลน์-เลวินหายขาด แต่คนไข้บางรายได้ยากระตุ้นเพื่อให้ตื่นตัว
แต่ยาดังกล่าวไม่ได้ผลกับลุยซา หลังจากรู้แล้วว่าเป็นอะไร เด็กสาวหลับไปครั้งละ 12 วัน โดยก่อนหลับจะมีสัญญาณเตือนคืออาการหงุดหงิด
“ฤดูร้อนปีที่แล้วเรากลับจากไปพักในมาลากา สเปน เธอเริ่มหลับตั้งแต่นั่งรถไปสนามบิน หลับบนเครื่องบินตลอดทางจนถึงบ้านและหลับต่ออีก 7 วัน
“ปีที่แล้วเหมือนกัน เราขับรถเที่ยวกันทั้งสัปดาห์ แต่เธอก็หลับตลอดเวลาและไม่ได้รับรู้อะไรเลย
“พอตื่นขึ้นมาเธอจะหงุดหงิดเพราะรู้ว่าพลาดอะไรไปบ้าง แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้
“เมื่อตื่นขึ้นมาเธอจะตรงไปหาขนมกินอย่างหิวโหย คล้ายๆ ไปเข้าถ้ำจำศีลมา” ริชาร์ดเล่า
เมื่อมีสติดี ลุยซารักการไปโรงเรียนและเข้าเรียนลีลาศเป็นประจำ แต่เธอต้องพลาดการแข่งขันลีลาศและพลาดสอบเพราะอาการผิดปกตินี้ พ่อแม่ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงช่วงสอบสำคัญ ลุยซาจะตื่นและทำข้อสอบได้จนเสร็จ
ปัจจุบัน เธอได้ยาตัวใหม่ที่ครอบครัวหวังว่าจะทำให้รูปแบบการนอนสั้นลง “อาการของเธอดีขึ้น เธอไม่ได้ง่วงงุนหนักๆ มา 7 สัปดาห์แล้ว เราจึงหวังว่าอาการของเธอจะเบาลงและทำให้เธอใช้ชีวิตตามปกติได้ในที่สุด”

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

17สถานที่โคตะระแปลกที่ไม่คิดว่าจะมีในโลก

16. แม่น้ำสีแดง (Rio Tinto) ที่ประเทศสเปน


บริเวณ พื้นที่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำ Río Tinto มีการทำเหมืองทองแดง เงิน ทอง และแร่ธาตุอื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ (ราว 5 พันปีก่อน) ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูงมาก ส่วนสาเหตุที่น้ำมีสีแดงก็เนื่องมาจากก้อนหินที่อยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ประกอบ ด้วยธาตุเหล็กในปริมาณเข้มข้นนั่นเอง เหมืองในแถบนี้ถูกปิดมานานนับ 10 ปี แต่เนื่องจากทองแดงมีราคาสูงขึ้น เจ้าของเหมืองจึงมีแผนเปิดเหมืองทองแดงอีกครั้งในปีหน้า

17. หุบเขาโลกพระจันทร์ (Vale de Lua) ที่ประเทศบราซิล



หุบเขาโลกพระจันทร์ หรือ "the valley of the moon" เป็นที่ราบสูงโบราณที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1.8 พันล้านปี โดยพื้นที่ว่างระหว่างก้อนหินจะมีน้ำจากแม่น้ำ San Miguel แทรกอยู่ภายใน ดินแดนประหลาดแถบนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chapada dos Veadeiros ซึ่งองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2001 (พ.ศ. 2544) ที่ผ่านมา

15. ทะเล (สาป) เดือด Boiling Lake ประเทศโดมินิกา (Commonwealth of Dominica)


“Boiling Lake” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์) มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาปอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส ระดับน้ำภายในทะเลสาปแห่งนี้มีลักษณะขึ้น-ลงตลอดเวลา โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) น้ำในทะเลสาปแห่งนี้ได้แห้งเหือดหายไป และเพิ่งกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา


14. ดินแดนโบราณ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี


คัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 (พ.ศ. 2528) ดินแดนดังกล่าวมีภูมิประเทศที่แปลกตาซึ่งเกิดจากจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออก มาปกคลุมพื้นที่ เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน ได้เป็นตัวแปรที่ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม บางส่วนมีประชาชนอาศัยอยู่ภายใน


13. ภูเขาไฟ Redoubt ที่รัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา


Redoubt เป็นภูเขาไฟมีพลัง (active volcano) อายุนับพันๆ ปี ที่ยังคงคุกรุ่นและเกิดการปะทุหรือระเบิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา


12. ทุ่งหินรูปรังผึ้ง Bungle Bungles ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย


11. ถ้ำคริสตัล (Crystal Cave) ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา


ถ้ำคริสตัล เป็น 1 ใน 240 ถ้ำ (ที่ถูกค้นพบ) ภายในอุทยานแห่งชาติ Sequoia ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำ "หินอ่อน" ธรรมชาติ ที่ภายในมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 9 องศาเซลเซียส ซึ่งการจะเข้าไปชมภายในถ้ำต้องอาศัยไกด์ทัวร์เป็นผู้นำทางเท่านั้น


10. ทะเลทรายแบล็ค ร็อค (Black Rock Desert) ที่รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา


ทะเลทรายแบล็คร็อค คือ ก้นทะเลสาบที่แห้งสนิท ครั้งหนึ่งดินแดนแถบนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทะเลสาบในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีชื่อว่า "Lahontan" ซึ่งปรากฏอยู่ในสมัย 18,000-7,000 พันปีก่อนคริสตกาล ในช่วงที่ทะเลสาบโบราณแห่งนี้มีระดับน้ำสูงสุด (เมื่อประมาณ 12,700 ปีก่อน) ทะเลทรายแบล็คร็อคเคยอยู่ใต้น้ำที่มีความลึกถึง 150 เมตรเลยทีเดียว


9. ทะเลสาบสปอท เลค (Spotted Lake) – ประเทศแคนา


“สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)


8. ธารน้ำแข็ง Taylor ใน McMurdo Dry Valleys ที่แอนตาร์คติกา (ขั้วโลกใต้)


ธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเป็นสีแดงส้ม ตัดกับน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ซึ่งมีสีขาวโพลน เนื่องจากพื้นที่แถบนั้นเต็มไปด้วยออกไซด์ของเหล็ก (iron oxide) ซึ่งก็คือ "สนิม" นั่นเอง ด้วยเหตุนี้บริเวณดังกล่าวจึงได้รับการขนานนามตามลักษณะทางกายภาพว่า "น้ำตกเลือด" (Blood Falls)


7. ป่าหิน (Stone Forest) เมืองคุนหมิง มลฑลยูนาน ประเทศจีน


อุทยานป่าหิน (Shilin National Park) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่มากถึง 350 ตารางกิโลเมตร แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 12 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เดิมทีหินปูนเหล่านี้อยู่ใต้ผิวโลก แต่ภายหลังได้ถูกดันขึ้นมาในลักษณะเดียวกับหินงอก เชื่อกันว่าป่าหินแห่งนี้มีอายุราว 270 ล้านปีเลยทีเดียว


6. ทะเลเกลือ (salt flats) ที่ Salar de Uyuni ประเทศโบลิเวีย


จริงๆ แล้วที่ราบเกลือหรือทะเลเกลือลักษณะนี้มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ทะเลเกลือที่ Salar de Uyuni ของประเทศโบลิเวียนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากถึง 10,582 ตารางกิโลเมตร


5. Giant's Causeway ที่ไอร์แลนด์เหนือ


เป็นชายฝั่งที่เกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant´s Causeway เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1986 (พ.ศ. 2529)


4. บ่อน้ำพุร้อนสีเลือด (Blood Pond Hot Spring) ที่เบปปุ ประเทศญี่ปุ่น


น้ำพุร้อนสีเลือด (Chinoike Jigoku) เป็นหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังของเมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ บนเกาะคิวชู สาเหตุที่น้ำพุมีสีเลือดเนื่องจากมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณมากนั่นเอง


3. หินรูปทรงประหลาด ในทะเลทรายขาว (White Desert) ประเทศอียิปต์


ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Farafra Oasis มีลักษณะเป็นสีขาวและครีม ประกอบด้วยกลุ่มหินชอล์ครูปทรงประหลาดขนาดใหญ่มากมาย อันเป็นผลงานของพายุทรายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

2. Tessellated Pavement บนเกาะแทสเมเนีย (รัฐหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย)

นี่คือภาพลานหินตะกอนบริเวณชายฝั่งที่ Eaglehawk Neck บนเกาะแทสมาเนีย ซึ่งถ้าหากมองเผินๆ จะแลดูคล้ายมีใครนำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาวางเรียงรายริมทะเล (บริเวณขอบสี่เหลี่ยมที่เราเห็นเป็นแนวเส้นตรงนั้น เกิดจากแรงตึงเครียดของผิวโลก ผนวกกับการกัดเซาะอย่างต่อเนื่องของคลื่นและแรงเสียดสีของทราย)


1. เดอะเวฟ (The Wave) ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา

Giant's Causeway

เดอะเวฟ คือ ภูเขาหินทรายที่ฟอร์มตัวในลักษณะคล้ายคลื่นลาดชัน เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 190 ล้านปีก่อนหรือในยุคจูราสสิก เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีความเปราะบางมาก ทางการจึงจำกัดให้เข้าชมได้เพียงวันละไม่เกิน 20 คน และต้องเดินเท้าเข้าไปเกือบ 5 ก.ม. จึงจะถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้


ขอขอบคุณที่มา http://webboard.sanook.com/forum/3008125_17_%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%81_%E0%B9%86_%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.html

20สิ่งที่เห็นได้เฉพาะThailand เท่านั้น!!!!


เรามาเริ่มดูกันเลยดีกว่า......เนอะ
ไปกันเลย >>>>

1.มีชื่อลงกินเนสบุ๊คได้ทุกวัน การจะมีชื่อปรากฏในกิสเนสบุ๊คไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคุณต้องทำอะไรให้เป็นที่สุดในโลก แต่ถ้าคุณได้มาอยู่ในเมืองไทยเรื่องนี้จะง่ายยังกับพลิกฝ่าเท้า (ถ้าเขายอมให้ลงนะ) เพราะบ้านเราถนัดเรื่องอะไรที่มันใหญ่ๆยาวๆกันอยู่แล้ว จตุคามองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ฆ้องใบใหญ่ที่สุดในโลก ผัดหมี่กระทะใหญ่ที่สุดในโลก ร่มผ้าใหญ่ที่สุดในโลก สากกะเบือใหญ่ที่สุดในโลก หรือแม้แต่ปลัดขิกอันใหญ่ที่สุดในโลก(อันนี้เอามาจากของบ้านอื่น)..มีใคร เจ๋งกว่านี้อีก ว่ามา!

2.ดัดฟันเถื่อน ความจริงแล้วการดัดฟันต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายตลอดคอร์สก็ปาเข้าไปหลักหมื่น แต่เมื่อเด็กไทยเห็นว่าเจ้าเหล็กดัดฟันกลายเป็นเรื่องเก๋ไก๋ จึงได้เกิด แฟชั่นดัดฟันด้วยเหล็กสีสันสดใสในราคาแค่ไม่กี่ร้อย สิ่งที่ได้มาคือลวดมัดเหล็กยางสีไร้คุณภาพ โดยช่างดัดฟันอายุเพียง 19 ปี กับอาการติดเชื้อในช่องปากที่รุนแรง ถึงขนาดทำให้คนตายมาแล้ว ก่อนที่ทางการจะล้อมคอกร้านดัดฟันกันทั้งระบบ...ที่นี่ประเทศไทย

3. รถกับข้าวเดลิเวอรี่ ฝรั่งสแกนดิเนเวียเดินมาบอกเราว่า ประเทศไทยนี่ช่างอะเมซิ่งซะนี่กระไร บ้านเมืองเขาอยากซื้ออาหารการกินก็ต้องไปซูเปอร์มาเก็ต แต่พอมาเมืองไทยนอนอยู่บนคอนโดดีๆ ก็มีพืชพรรณธัญญาหารมาประกาศขายกันถึงที่"อ่า..ยกมือดักกวักมือเรียก หอยแครงหอยแมงภู่สดๆกันจากทะเลเลยนะพี่ ผักคะน้าวันนี้เขียวสดไร้แมลง หมูเนื้อแดงโลละ100ขายกันถูกๆเลยนะพี่นะ...ฯลฯ ทีแรกก็ไม่ได้อยากกินหรอกนะ แต่ได้ยินเสียงแล้วมันอยากเห็นหน้าคนประกาศจริงๆ

4.ทักทายจ่าเฉยกลางสี่แยก เมืองไทยน่าจะเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ถึงขนาดต้องสร้างหุ่นตำรวจจราจรมา ยืนคู่คนขับรถ ก็วินัยจราจรมันสะท้อนวินัยชาติ แต่บังเอิญเรายึดคติทำอะไรคือไทยแท้ วินัยจราจรของเราก็เลยเป็นไปแบบตามใจฉัน อุบัติเหตุก็เลยผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด บ.เมเจอร์ เน็ตเวิร์ก จึงช่วยตำรวจแก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างหุ่นตำรวจจราจร มาตั้งตามสี่แยกเพื่อขู่พ่อแม่พี่น้องผู้ชอบทำนิสัยมักง่ายเพื่อไม่ให้ ละเมิดกฎหมาย ที่ตลกคือมันกลับได้ผลซะด้วย 1ปีที่ผ่านมาคนไทยทำผิดน้อยลงตั้งเยอะ!!!

5.ดูพระกับผีสมานฉันท์ สมัยเด็กคุณอาจเข้าใจว่าพระกับผีอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ แต่ความสมานฉันท์เกิดขึ้นแล้วแถวคลองถม บ้านหม้อ เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสถานที่แบบนี้ถึงได้มีหลวงน้าเดินผ้าเหลืองปลิวกันทุกวัน ท่านมาเทศนาใครรึเปล่า? มาเดินเรี่ยไรสร้างโบสถ์งั้นรึ? หลังจากที่แอบเฝ้าสังเกตการณ์แล้วคำตอบที่เราได้ก็คือ...หลวงน้าท่านเดิน เลือกซื้อ iPhone ของจีนแดงกับดีวีดีแผ่นผีซะงั้น...จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด

6.ผจญภัยในคลองแสนแสบ ถ้านึกอยากทำอะไรมันส์ๆไม่ต้องเสียเงินหลายร้อยไปขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา ในเมื่อคุณจ่ายแค่ไม่กี่บาทก็สัมผัสความเร้าใจได้ไม่ต่างกัน คุณมีเวลาไม่ถึง 10 วินาทีในการก้าวขาลงเรือให้ทันก่อนมันจะแล่น นิมนต์พระมาสัก 7 วัดเพื่อสวดคุ้มครองให้คุณรอดเวลามีเรืออีกลำแล่นสวนเกลียวคลื่นมาใกล้แถมด้วยการฝึกวิชาหลบเชื้อโรคที่แฝงมากับน้ำเน่าที่กระเด็นเข้าปาก..แต่ก็มี ข้อดีอยู่อย่าง สาวๆกระโปงสั้นเพียบเลยเพื่อน...

7.เล่นว่าวในที่ สาธารณะ อย่าคิดมาก เพราะเราหมายถึงการเล่นว่าวที่เป็นว่าวจริงๆไม่ใช่แบบที่ต้องแอบทำคนเดียว สนามหลวงเป็นที่รวมของว่าวนานาชาติ ในเมืองหลวงแบบนี้จะหาที่โล่งแจ้งที่ไหนที่ปลอดสายไฟได้เท่าที่นี่ ช่วงหน้าร้อนประมาณเดือนมีนาคม-เมษายนคือเวลาทองเพราะลมตะเภาจะพัดแรงเป็นพิเศษพร้อมหอบเอาว่าวตัวน้อยให้ลอยละลิ่วไปติดลมบน

8.ลอตเตอรี่เดลิเวอรี่ บ้านเมืองอื่นใครที่อยากซื้อลอตโต้ต้องถ่อสังขารไปซื้อที่ร้านเท่านั้น แต่ในบ้านเราพ่อค้าแม่ค้าเขาชวนมานั่งรอกันถึงหน้าตู้ ATM ลอตเตอรี่เดลิเวอรี่ที่มาพร้อมพ่อแม่พี่น้องนับสิบเจ้า ด้วยตรรกะที่ว่า เมื่อคุณออกจากตู้ ATM คุณต้องมีตังค์ เมื่อคุณมีตังค์คุณก็มีกำลังซื้อ เมื่อคุณมีกำลังซื้อก็มีสิทธิ์จะช้อปลอตเตอรี่ของพี่แกสักคู่ ราคาอาจจะระบุไว้ 80 บาท แต่อย่าหวังว่าจะซื้อได้ในราคานั้น เผลออาจทะลุถึง 130 บาท ถ้าบังเอิญเลขที่คุณจะซื้อมันเป็นเลขที่เขาเก็งกัน...อยากรวยก็ต้องจ่าย

9.ไล่สาดน้ำใครก็ได้ เมืองไทยเป็นที่เดียวในโลกที่คุณอยากจะนึกสาดน้ำใส่ใครก็ได้ในช่วงวันสงกราน 13-14-15 เมษายนของทุกปี แรกเริ่มเดิมทีประเพณีนี้มีแค่การไหว้พระขอพร ก่อเจดีย์ทราย แล่วหนุ่มสาวค่อยใช้ขันน้ำใบน้อยตักน้ำรดกันพอสนุก แต่พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป จากขันใบน้อยกลายมาเป็นถังน้ำขนาดบะละฮึ่ม ไหนจะปืนฉีดน้ำ ไหนจะแป้งในมือที่มีไว้เป็นข้ออ้างในการขย้ำแก้มสาวๆงานนี้เรียกนักท่อง เที่ยวจากทั่วโลกได้หลายล้าน เพราะไม่ว่าใครก็อยากสาดน้ำใส่ชาวบ้านกันทั้งน้านนนน

10.ขี่มอเตอร์ไซด์บนฟุตบาท ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ให้เสรีภาพในการขับขี่กันสุดๆ นอกจากจะสามารถบีบแตรไล่มนุษย์ที่เดินข้ามทางม้าลายได้โดยไม่มีใครว่าแล้ว แมงกะไซด์ยังมีสิทธิพิเศษในการขับขี่ย้อนศรบนฟุตบาทในขณะที่มือหนึ่งถือ โทรศัพท์คุยไปด้วย ส่วนอีกมือก็บีบแตรไล่คนที่ยืนรอรถเมล์บนทางเท้าเพราะดันมายืนขวางทางแว้น.. แถมเขายังได้หนังสือพิมพ์ฟรี เอาไว้นอนห่อมหลังจากชนกับแท็กซี่ด้วย

11. ไทย จีน แขก ฝรั่ง ฉลองได้ทุกเทศกาล เชื่อรึเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นเทศกาล สงกรานต์,ตรุษจีน,คริสต์มาส,เช็งเม้ง,ฮัลโลวีน,บวชพระ,แต่งงาน,อกหัก,สอบตก,สอบได้,ไม่ได้สอบ,วันเกิดมิยาบิ,หงส์แพ้,ลอยกระทง,ปีใหม่,ไหว้พระจันทร์,วันงดสูบบุหรี่โลก,แซยิดอากง,วาเลนไทน์,วันเด็ก,วันเกิด,รับปริญญา,ไหว้บ๊ะจ่าง,วันครู,วันพระ,วันนี้,วันพรุ่งนี้,วันมะรืน ฯลฯ ไม่ว่าจะเทศกาลหรือวันสำคัญไหนๆเราคนไทยก็ทำตัวกลมกลืน ร่วมฉลองไปกับชาวโลกเขาได้ทั้งหมด เอ้า...ชนแก้ว

12.Full Moon Party งานปาร์ตี้เดือนเพ็ญบนหาดริ้นของเกาะพะงันคือเป้าหมายของคนทั่วโลก ย้อนหลังไปเมื่อปี 1985 นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนคนหนึ่งมาอาบแดดที่หาดริ้นจนถึงพลบค่ำในคืน 15 ค่ำ เขาได้เห็น เดือนเพ็ญสวยเย็นเห็นอร่าม นภาแจ่มนวลดูงามเย็นชื่นหนอยาม...พอๆจะร้องเพลงทำไม?จันทร์กระจ่างงามงดไร้ เมฆบดบัง ส่องแสงเย็นสะท้อนผืนน้ำวะวาววับขานขับอารมณ์ละมุมกรุ่นฟ่องคล้ายท่องบน สวรรค์ โชคดีของประเทศไทยที่เจ้าหมอนี่ดันเป็นนักเขียนหนังสือท่องเที่ยวซะด้วย หาดริ้นและเกาะพะงันก็เลยโด่งดังในฐานะที่มีแสงโสมส่องสวยที่สุดใน 3 โลก ฟูลมูนปาร์ตี้เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ทุกคืนเดือนเพ็ญกองทัพหนุ่มสาวจากทั่วโลกต่างเอโลมารวมตัวกันเพื่อเมาให้หัว ทิ่ม ผับกลางแจ้งเรียงรายตลอดชายหาดผู้คนสนุกกันสุดเหวี่ยง สมัยก่อนงานนี้เป็นที่รวมของยาเสพติดและเซ็กซ์โชว์สดบนชายหาดที่ฟาดฟันกัน จะจะ แต่เดี๋ยวนี้ทางการเริ่มกวดขัน ทำให้นานๆครั้งถึงจะมีกลิ่นปุ๊นลอยมาซักที ยิ่งเดี๋ยวนี้เขาเริ่มเพิ่มความถี่ของปาร์ตี้ จากแค่คืนวันเพ็ญมาเป็น คืนพระจันทร์ครึ่งดวง (Half Moon Party) และคืนเดือนมืด (Black Moon Party)เรียกว่ากะจะเมากันซะให้ได้ทุกคืนเลยว่างั้นและโปรแกรมนี้ก็ยังเป็น เป้าหมาย อันดับ 1 ที่หนุ่มสาวทั่วโลกใฝ่ฝัน รวมทั้งเราด้วย

13. สัมผัสตัว Here ที่เดินอยู่นอกสวนสัตว์ สัตว์ป่าคุ้มครองที่เรารู้จักกันมาแต่เด็ก วันนี้พวกมันพร้อมเผยโฉมให้เห็นในระยะประชิดแล้ว ด้วยจำนวนกว่า 200 ชีวิตที่ยึดพื้นที่สวนลุมพินีเป็นแหล่งอาศัย เซ็นสัญญาสมานฉันท์กับคนกรุงที่มาออกกำลังกายจนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ สื่อถึงการเอื้ออาทรระหว่างคนกรุงกับสัตว์ป่าคุ้มครองจนฝรั่งมังค่าถึงขนาด บินมาพิสูจน์ด้วยตาตังเองถึงที่นี่ อย่าลืมหิ้วไก้สดมาฝากพวกมันด้วยล่ะ

14.แมลงทอดในตู้ขนมหวาน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่ออาหาร 2 ชนิดที่ต่างกันสุดขั้วดันมาอยู่รวมกันในตู้พลาสติกใสใบเดียวกัน ขนมหม้อแกงแนบชิดกับจิ้งหรีดทอด สาคูไส้หมูเป็นกิ๊กกับหนอนรถด่วน หรือวุ้นกะทิจะแอบจึ๊กกะดึ๋ยกับแมงป่องทอดกรอบ ระหว่างที่มือขวาตักขนมหวานๆใส่ถุง เฮียแกก้ใช้มือซ้ายพ่นซอสเค็มๆใส่ตั๊กแตนทอด..อะเมซิ่งไทยแลนด์

15. ข้ามถนนใต้สะพานลอย รัฐบาลอุตส่าห์เจียดภาษีเพื่อมาสร้างสะพานลอยคนข้าม จะได้ไม่ต้องเกิดโศกนาฏกรรมบนท้องถนนกันบ่อยๆ แต่เราคนไทยเก่งเรื่องการเอาชีวิตรอดโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วยว่าแล้วก็วิ่ง ข้ามถนนมันซะตรงใต้สะพานลอยนี่แหละ ให้มันเห็นกันไปเลยว่าข้านี่เจ๋งกว่าพร้อมฝากบอกผู้มีอำนาจมาด้วยว่า "ก็แกดันสร้างสะพานสูงเกินไป ไต่แล้วมันเหนื่อย รู้มั๊ย"

16.จีบ แม่ค้าส้มตำสุดสวย แม่ค้าที่ไหนจะจิ้มลิ้มเท่าที่นี่ ส้มตำยามค่ำคืนหน้าหัวลำโพงที่ตอนเด็กๆเราสงสัยว่าทำไมแม่ค้าแถวนี้ถึงได้ เฉิดฉายกว่าแถบอื่น แต่งตัวสวยให้ลูกค้าจีบได้ทุกคืน ครั้นโตขึ้นถึงได้รู้ว่า"อะไรเป็นอะไร" สมัยก่อนสถิตตรงเกาะกลางหน้าหัวลำโพง แต่ว่าตอนนี้ย้ายมาแถวทางลงรถใต้ดินใครอยากชิมก็เชิญ แต่บอกไว้ก่อน "ส้มตำ"แถวนี้แพงเอาการเชียวล่ะ

17.ข่าวแปลกใกล้หวยออก ถ้าคุณจะลองสังเกต ช่วงก่อนจะถึงวันที่ 16 และวันที่ 1 ของทุกเดือนประมาณ 1-2 วัน หนังสือพิมพ์ประเทศนี้จะอุดมไปด้วยข่างแปลกประหลาดมหัศจรรย์พันลึก จำพวกแมงวออกลุกเป็นลิง,สิงห์สามขา,หมาสามไข่,ปลากรายพูดได้,ปลาไหลเผือก, เงือกสามนม,ขนมหม้อแกงงอกราก,หมากหน้าคน,ลิงทะโมนคิดเลขได้ฯลฯ พร้อมระบุวันหรือเวลาที่พอจะตีเป็นเลขเด็ด ว่าแล้วชาวบ้านก็จะเฮโลกันไปจุดธูปโรยแป้ง ก่อนจะเอามือถู เจ้าประคู๊ณ..ขอโดนๆซักงวดเหอะ

18.ไล่ตื้บกรรมการในสนาม เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่า ในเกมฟุตบอลนั้นความผิดพลาดมันสามารถจะเกิดขึ้นได้ทุกวินาที มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะกับกรรมการจะต้องพานมีเรื่องให้ต้องเถียง กันคอเป็นเอ็นอยู่ในทุกแมตช์ที่แข่งขันนี่ถ้าเป็น FA เขาจะมีระบบการให้คะแนนการทำหน้าที่ของกรรมการเพื่อประเมินผลงาน หรือไม่ก็แค่การประท้วงด้วยวาจาของนักเตะ แต่ที่นี่เมืองไทยครับพี่น้อง เมื่อไม่พอใจการตัดสินมันก็ต้องลุยให้เละกันไปข้าง โดดลงสนามได้ก็ไล่ตื้บกรรมการซะจนสะบักสะบอม ถึงขนาดต้องโกยหนีเข้าห้องแต่งตัวก่อนเวลา มันต้องยังงี้ถึงจะสาสมความผิด...ฮึ...

19.ให้อาหารช้างก็ได้... ง่ายจัง เมื่อก่อนคุณอาจต้องเดินทางไปสวนสัตว์ถึงจะได้เห็นช้างไทยในระยะประชิด แต่ในยุคสมัยนี้ที่อะไรก็เดลิเวอรี่แบบนี้ คุณจะสามารถสัมผัสช้างแบบใกล้ชิดที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะในเมืองกรุง เพียงแค่คุณนั่งซดน้ำก๋วยเตี๋ยวอยู่ริมฟุตบาทก็จะมีพี่ชายหน้าตาเหน็ด เหนื่อยเดินมาถามว่า "ให้อาหารช้างมั๊ยเพ่" ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงแหลมๆ"โฮ่งแปร๊น"ของเจ้าช้างน้อยน่าสงสาร..รู้งี้ เกิดมาเป็นแพนด้าซะก็ดี....

20.Panda Fever แม้แพนด้าจะไม่ใช่สัตว์ประจำชาติของไทย แต่ด้วยความที่เราเป็นคนไทยอัธยาศัยงาม มันจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดที่กระแสความฮิตของแพนด้าจะมาแรงได้ตลอดปี รายการข่าวทีวีต้องสละเวลา 1 นาที เพื่ออัพเดตชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดเห่อกันสุดๆเห่อกันซะจนสัตว์อื่นอิจฉา ว่าแล้วช้างที่อยุธยาก็ออกมาแปลงโฉมเป็นช้างแพนด้าเพื่อเรียกความสนใจ แม้กระทั่งจระเข้ยังทนไม่ได้ขอเป็นเข้แพนด้าด้วยคน เรื่องของความดังนี่มันห้ามไม่ได้จิงๆวุ๊ย


ที่มา http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8370659/A8370659.html

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ห้า วิธีเด็ดๆเปลี่ยนห้องเล็กให้เป็นห้องใหญ่!!

ทำพื้นที่เล็กให้ดูใหญ่ขึ้นไม่อยากอย่างที่คิด วันนี้เราก็มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากทุกๆคนที่อยากจะจัดห้องหรือบ้านตัวเองซะใหม่ให้ดูกวางขวางน่าอยู่มากขึ้นจ้า

1. สร้างพื้นที่ให้ดูกว้างขึ้นด้วยการเล่นสีที่แตกต่าง ให้แต่ละโฟนของบ้านหรือของห้องแบ่งออกเป็นส่วนๆ เช่นทำสีทางประตูทางเข้าให้ต่างจากบริเวณข้างใน หรือ ตรงบริเวณทางเดินให้มีสีโดดเด่นและแตกต่าง มันจะทำให้ดูว่าเราเพิ่มพื้นที่ส่วนอื่นขึ้นมานอกเหนือจากพื้นที่ส่วนตัว ดีกว่าใช้สีเดียวกันไปหมด

2. ลองหาวอลเปเปอร์สวยเก๋ๆ มาติดให้ห้องดูแปลกตาขึ้นหน่อย หรือเพ้นท์ลายตามสไตน์ของเรา เป็นอีกวิธีสนุกๆ ที่จะช่วยทำให้เราสนุกกับการตกแต่งห้องได้ด้วย

3. ใช้สีโทนอ่อนกับบริเวณพื้น หรือถ้าพื้นบ้านหรือพื้นห้องของเราเป็นพื้นไม้หรือพรม พยายามที่จะใช้สีสว่างให้มากที่สุด พื้นไม้สามารถขัดเงาให้ดูสว่างขึ้นได้ หรือถ้าพื้นเป็นพรม หาพรมที่เป็นลายขนสัตว์ หรือ สีสดใสมาปูทับเพื่อเล่นลาย และอย่าลืมว่าให้มาแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องบ้าง จะทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบายน่าอยู่มากขึ้น

4. เพิ่มลายเส้น แนวตรงจากพื้นถึงเพดาน ถ้าแต่งห้องหรือบ้านแบบนี้จะทำให้เพดานของห้องสูงขึ้น แขวนภาพเขียนซักสองสามภาพบนฝาผนังจะทำให้ผนังมีจุดสนเด่นมากกว่าเดิม

5. วางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่จำเป็นเพียงสองถึงสามชิ้นในห้องก็เพียงพอ หรือใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถหดขยายได้ตามลักษณะการใช้งาน เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในหรือให้ได้มากที่สุด

เพียงเท่านี้ห้องหรือบ้านแสนรักของเรา ก็จะดูกว้างขวางและน่าอยู่ขึ้นแล้วล่ะจ้า เพื่อนคนไหนลองทำดูได้นะจ๊ะ ใกล้ตรุษจีนแล้วมายก็ว่าจะจัดห้องซะหน่อย...แบบว่าตอนนี้รกจนแทบโดนของทับตายแล้ว เหอะๆ
^^'




ขอขอบคุณ http://www.dek-d.com/content/lifestyle/18973/5-วิธีเด็ดเปลี่ยนห้องเล็กเป็นห้องใหญ่ได้ในพริบตา.php